Breaking

LightBlog

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

พรานไพร ตอน 2 | นิยาย Beetalk

พรานไพร


พรานไพร

นามปากกา:วิหค กลิ่นเกษร

ไรเฟิ่ลดังปั้งงง สะท้อนไปมาตามไหล่ผา อื้ออึง ก็คิดว่าไม่พรานเอิ้น ก็ไอ้ดำ เพราะไห้เป็นปืนประจำมือของทั้ง2เอาไว้สิ้นเสียงปืนไม่กี่อึดใจ ก็เห็นไก่ป่าฝูงหนึ่งเข้ามาไกล้ๆ พวกมันคุ้ยเขี่ยหาอาหาร บ้างก็ไล่กันบ้างก็ขันแซ็งแซ่ระงมทั่วดง หลังจากฝูกไก่ป่าผะไป หนุ่มชาวกรุงก็หลับลง ด้วยอาการเหนื่อยล้า เวลาเท่าไดไม่ทราบได้ เขาก็ตื่นจากพะวัง แล้วสองส่องสายตาไปมาในความมืด แล้วดูนาฬิกา เป็นเวลา4 ทุ่มเศษเห็นจะได้ ครั้นแล้วก็ได้ยินเสียงย่อง สวบสาบตามใบไหม้แห้งมาไกล้ๆ เขาค่อยๆเอาหม้อแบตติดหัว เสี้ยววินาทีที่จะกดสวิต เจ้าของเสียงก็โดดออกมาพากพงหญ้า มันเป็นอีเห็นขนาดเล็ก เขาก็ดูมันกินน้ำในอ่าง ไม่นานมันก็วิ่งเข้าไปในป่าลึก เวลาล่วงเลยไปตี1เห็นจะได้ คลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนคุยกันกำลังเดินเข้ามาไกล้ๆ เสียงเหยียบไม้ เสียงเหยีบยกิ่งไม้ บางทีเหมือนเสียงออกจากจมูกฟุดฟัด เขาหลับตาแล้วหันปากกระบอกปืนไปตามที่มาของเสียง ครั้นแล้วก็เห็นผู้ชายสองคนเดินตามหลังกันมาไกล้อ่างน้ำ กำลังจะอ้าปากถาม แต่ก็สะกดใจเอาไว้ แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง พอลืมตาโพรงก็ประกฏว่า เป็นหมูป่าเคี่ยวยาวขนาดนิ้วมือตัวหนึ่ง แล้วอีกตัวก็เขื่องๆลงมาหน่อย เสียงลูกซองปั้มแอ๊กชั่นก็แผดกัมปนาถ ปั้งปั้งแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน ไม่กี่อึดใจป่าทั้งป่าก็กลับมาเงียบอีกครั้ง ครั้งนี้ทำไห้เขารู้ว่า อาถรรของป่ามีจริง สิ่งลี้ลัพธ์ ของป่ามีจริง ต้องข่มจิตรข่มใจ ต้องไม่กลัวอำนาจแห่งป่าที่จะมาสำแดงอิทธิฤทอะไร ครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็หลับไปด้วยอาการเหนื่อยล้าของวันนั้น...
หนุ่มคนเมือง เขานอนจนเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ไม่รู้ และต้องสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งเรียกจากด้านล่างขึ้นมา"นายๆๆ ตื่นๆ เช้าแล้วนาย"
พอสิ้นเสียงเรียก เขาก็จับปืนตะวัดปลายปืนไปตามเสียงนั้น เห็นขันยืนยิ้มฟันดำอยู่
ขัน:อย่าๆนาย นี่ผมเอง เช้าแล้วนาย เช้าแล้ว
วรวุฒิ:กูจะรู้ได้ไงว๊ะ ว่ามึงเป็นคนของกู ถ้ามึงขยับกูยิงไส้แตกแน่!
ขันเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบบุหรี่มาจุดสูบ แล้วยิ้มฟันดำไห้นายจ้าง พอเห็นเช่นนั้นแล้วหนุ่มชาวกรุงก็ถอนหายใจเฮือก ค่อยๆลุกเก็บเปล แล้วลงมาสบทบกับขัน
ขัน:นาย เราจะเอากลับไงหละทีนี้ หมู2 อีเก้ง1
วรวุฒิ:555 จะยากอะไร ก็ขันแบกกลับคนเดียวสิ เห็นว่าเรียกฉัน นายๆหรอ ฉันเป็นนายก็ควรจะเดินตัวเปล่าสิ55
ขัน:ไอ้หน้าขาว แกรอข้าอยู่ตรงนี้น๊ะ ข้าจะหาคานมาหาบ เอ้อ บ้าป่าวว๊ะตั้ง100กว่าโลจะไห้เราแบกคนเดียว "ขันพึมพัมไปตัดไม้สักพัก ดำ ลีและพรานเฒ่าก็เดินมาถึง"
ตาสาย:โอ้โห้ ขึ้นห้างเดียวยิงได้3เลยหรอว๊ะ
ขัน:ป่าวหรอกตาสายเก้งนี่ฉันแบกไส่หลังมานี่แหละ
ตาสาย:อ้าวไอ้ห่านี่ กูไห้มึงเฝ้าไอ้หน้าขาวนี่ มึงทำไมไม่เฝ้าว๊ะ เดียวกูก็ถีบเลยนิ
ขัน:เขาขอฉันเองแหละตา อย่าบ่นนักเลยน่า เดี๋ยวแก่55 "แล้วขันก็หันหน้ามาหา วรวุฒิ"พวกนี้มาล๊ะ นายเป็นนายตามเดิมแหละดีแล้ว
วรวุฒิ:ฉันพูดเล่นน่า55 ช่วยๆกันจะได้กลับไวๆ
ทั้ง5คนก็เดินหาบ เดินคอนมาจนถึงที่ตั้งแคมป์ แล้วไห้ลูกห่บแร่เนื้อรมควันเอาไว้ และลูกหาบก็เตรียมอาหารมื้อเช้ากันอย่างขมีขมัน พรานเอิ้น ยิงเสือดำได้ พรานเฒ่า ยิงกวางได้แล้วก็แบกกลับมาแคมป์ก่อนแล้วจึงเดินไปหาขันกับนายจ้าง ลีกับดำ มือเปล่าเพราะทั้ง2 เฝ้าคอยดักยิงเสือโคร่งทีทิ้งรอยเอาไว้ หลังจากทั้งคณะกินข้าวกินปลาเสร็จ พากันออกเดินทางอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายต่อไป.การเดินทางตั้งแต่เก็บแคมป์ เก็บของมาลูกหาบทุกคนก็สรรเสริญ นายจ้างต่างๆนาๆ บ้างว่าเป็นมือปืนเทวดา บ้างว่าเป็นมือเป็นชั้นเอก คุยกันสนุกสนานระงมกันไป บางคนหันมาถามด้วยความสนใจ หนุ่มชาวกรุงก็ตอบแบบเป็นกันเอง โดยที่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่า เขาได้ครองใจพราน และคณะลูกหาบแล้ว
พรานไหญ่:"กระซิบ" เมื่อคืนเป็นไงบ้างคับท่าน ผมว่าจะเตะตูดไอ้ห่ารากนั่น ที่ทิ้งท่านไว้นั่นคนเดียว
วรวุฒิ:ไม่เอาน่าพราน55 ฉันอยากนั่งคนเดียวเองแหละ เจอของดีเลยเมื่อคืน เห็นหมูเป็นคนไปได้ หลับตาขยี่ตาสองสามครั้ง จึงแน่ใจว่าเป็นหมู สงสัยผมหลอนไปเอง
พรานเอิ้น: นี่แหละคับอำนาจแห่งป่า อย่าเชื่อหู อย่าเชื่อตา อย่าไว้ใจความคิดตัวเอง
วรวุฒิ:5555ก็เกือบไปแล้วแหละ ว่าแต่ผมนั่งเขาเรียกว่าอ่างอะไรหละ
พรานเอิ้น:อ่างตาเผืองคับนาย เมื่อนานมาแล้วแกพักกินข้าวที่นั่น ทำอีท่าไหนไม่รู้ ไห้เสือย่องมาคาบคอ ทั้งๆที่แกก็เป็นพรานไหญ่ บางคนว่าพิษมาราเรียคุกคามจนเสือมาคาบ บางคนว่าแกตายก่อน เพราะแกเป็นคนอายุประมาณ80กว่าๆแล้ว
วรวุฒิ;หาาาา 80 กว่ายังเดินมาถึงนี่ไหวหรออ
พรานเอิ้น:มันก็เป็นแค่เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาหนะคับ แต่ก็มีคนเฒ่าคนแก่บอกว่า ขนาดแก70กว่าๆ แกยังใช้มือเปล่าฆ่าหมีได้เลยย เขาเล่ามาอีกทีน๊ะคับ
วรวุฒิ:เออดีแท้"เขาพูดแบบขันๆ"ผมไม่แปลกใจหรอก ขนาดพรานนั่นอึอยู่ยังเอามีดกระซวกหมีควายตัวไหญ่ได้เลย555 ขนาดพรานเฒ่ายังทิ่งปืนวิ่งป่าราบ555 พรานแถวนี้จะคลายๆปีศาจผมก็ไม่แปลกใจหรอก
พรานเอิ้น:เอ้อก็มีส่วน เพราะตาเผิงก็เป็นทอดของทวดของทวดผมอีกที5555
วรวุฒิ:มิน่า ถึงว่า คุณนี่ทายาททรหดจริงๆ
พรานเอิ้น:55555 นายท่านอย่าเย้าผมเลยน่า
กลุ่มเดินทางก็เดินไปเรื่อยๆ ตามทางที่พรานไหญ่บอก โดยมีพรานเฒ่านำหน้าขบวน....เมื่อคณะเดินทางมาจนถึงโคนต้นไทรไหญ่ที่มีใบหนาแน่นคลุม พรานไหญ่ก็ไห้ลูกหาบพักและปลดควายจากเกวียน แล้วบอกไห้พรานของเขาออกสำรวจพื้นที่ หลังจากพรานได้รับคำสั่งก็ผละกันออกไป
พรานเอิ้น:ท่านคับ เรามาถึงดงเสือโมกแล้วคับ ห่างจากหมู่บ้านมากแล้ว คนแถวละแวกเรียบทางดอยไม่มีใครผ่านมาแถบนี้ เพราะหมี กับเสือมันชุม ถึงจะมีสัตว์ไห้ล่ามากก็เถอะ พวกผมทำปางพักไว้ตรงนี้แหละ แล้วก็ออกล่าบริเวณดงไหญ่ข้างหน้านี่
วรวุฒิ:อ้าว พรานพวกนั้นทำไมแยกกันสำรวจหละ พรานไหญ่
พรานเอิ้น:ไม่ต้องห่วงเงาปีศาจพวกนั้นหรอกคับ แต่ล๊ะคนตีนเบา อำพรางตัวได้ดี รู้ทิศทางลม ซั๊ก2-3ชั่วโมงนี้ก็กลับมาเองแหละคับ
วรวุฒิ:ข้างหน้านี้ มีหมู่บ้านไหม
พรานเอิ้น:มีคับ หลายหมู่บ้านอยู่คับ แต่ห่างกัน ใกล้สุดก็ หมู่บ้านนางเกย เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง นายอยากลองออกสำรวจบ้างไหมคับเดี๋ยวผมพาไป "จบประโยคแล้วหนุ่มชาวกรุงก็พยัคหน้าให้พรานไหญ่" พรานไหญ่พาเดินลัดเลาะไปตามด่านช้างเก่าๆชี้ไห้ดูรอยเสือ รอยหมี และรอยสัตว์ต่างๆที่ย่ำเป็นแปลงไป เก่าบ้าง ไหม่บ้าง บางครั้งเห็นกองขี้มันไหม่ๆ เมื่อไม่นานมานี้ สิ่งใดก็ไม่ทำไห้หนุ่มชาวกรุงทึ่งเท่ากับการเดินของพรานไหญ่ แม้มีใบไม้แห้ง มีกิ่งไม้แห้ง แต่ก้าวทุกก้าวแทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่ต่างกับเขาเพราะจะทำไห้เบาสักเท่าไหร่ก็ดังสวบสาบอยู่เป็นระยะ เมื่อเดินทางมาได้สักระยะ พรานไหญ่ก็หยุดชะงักในทันใดนั้น จนเขาเดินชน และทันใดนั้นเอง กลับสาบๆ ก็กระทบเข้ากับจมูกของหนุ่มชาวกรุง ทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ เพราะรู้ในสัญชาตญาณเลยว่ามันเป็นสัตว์ประเภทใด ทำเอาเขาริมฝีปากซีด หน้าซีดไม่มีสีเลือดไปชั่วขณะ.....ขณะที่หนุ่มชาวกรุงกำลังลืนหน้าซืด แข็งทื่ออยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงครางเหมือนออกจากลำคอเป็นจังหวะไม่ไกลออกไป
พรานเอิ้น:"กระซิ๊ะ" อยู่นิ่งๆน๊ะคับ เราอยู่เหนือลม กลิ่นของเราพัดไปหามันพอดี
ครั้นจบประโยคของพรานเอิ้น ไอ้ลายพาดกลอน2ตัวเดินย่องๆ มาข้างหน้าประมาณ30ก้าว โดยใช้สายตามันสอดส่องไปในพุ่มต่างๆ คนจะยิงก็ยิงไมาถนีดเพราะมีพุ่มไม้ กิ่งไม้เล็กๆบังอยู่ ที่เห็นก็ไม่ถนัด หนุ่มชาวกรุงก็ค่อยๆนั่งลงช้าๆเพื่อที่จะหยั่งเชิงมัน ครั้นจะปืนขึ้นต้นไม้ก็ไม่ทันเสียแล้ว ทันไดนั้น เขาก็หันหลังกลับไป ต้องตะลึงพึงเพิด อกสั่นขวัญหายเพราะพลานไหญ่เมื่อกี้ตอนเขาหันหลังไห้ ยังอยู่ด้านหลังอยู่เลย ไอ้เสือเจ้ากรรมก็ค่อยๆย่องเข้ามา และใช้จมูกดมฟุดฟิดไปในอากาศ ครั้นจะยิงก็เห็นเป้าไม่ถนัด พราะคลาคลบเถาวัลหนาทึบจนเกินไป ไม่กี่อึดใจ เสียงไรเฟิ่ลจากทางด้ายเยื้องขวาเขาประมาณ10ก้าว ก็ดังปั้งงง สนั่นลั่นป่า ได้ยินเสียมโครมๆ ไอ้เสือตัวที่เล่นเจ้าล่อกับเขาอยู่ ก็กระโจนออกมาจากพุ่มเถาวัล ทันใดนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที เสียงแผดกำปนาดจากปืนลูกซองในมือเขาก็ลั่นปั้งงงง เสือตัวนั้นดิ้นผลักๆชักดิ้นชักงอแล้วนิ่งไป
วรวุฒิ:555 ไห้ตายเถอะพรานไหญ่ นึกว่าทิ้งผมไห้เป็นอาหารเสือซ๊ะแล้ว เล่นย่องไปตอนไหนเนี่ยยทำเอาผมขวัญหนีดีฝ่อหมด
พรานเอิ้น:"เสียงตะโกนมาจากอีกฟากพงไม้เตี้ย" ขอโทษคับนาย พอดีผมเห็นไอ้ตัวนี้มันย่องมาอีกทาง
วรวุฒิ:ไห้ตายเถอะพับผ่า5555ไอ้ผมพอไม่เห็นคุนใจไปอยู่ตรงตาตุ่มนู่น555 "ขอพูดออกมาด้วยอาการเหมือนตายแล้วเกิดไหม่ พร้อมเช็ดเหงื่อเม็ดโป้งๆที่ใบหน้า และจุดบุหรี่ขึ้นสูบ"
พรานเอิ้น:กลับแคมป์กันคับนาย ใกล้เวลาอาหารแล้ว ทิ้ง2ตัวไว้นี่แหละ แล้วไห้ลูกหาบมาเอาทีหลัง
หนุ่มชาวกรุงพยัคหน้าแล้วพรานไหญ่ก็พากันเดินตรงกลับแคมป์เมื่อพรานไหญ่กับหนุ่มชาวกรุงถึงแคมป์แล้วพรานไหญ่ก็เข้าไปถามพรานเฒ่าด้วยความสงสัย โดยมีหนุ่มชาวกรุงเดินตามหลัง
พรานเอิ้น:ตาเฒ่าๆ ตาว่าแปลกๆไหม ทำไมเสือดงนี้ถึงชุมมาก ฉันว่าชุมกว่าพวกเก้ง กวาง และสัตว์อื่นๆอีกน๊ะ
ตาสาย:เออหวะข้าว่ามันคงถูกอะไรไล่ที่มาจากดงนางเกยนู่นแหละ
พรานเอิ้น:ฉันก็คิดเหมือนตาสายนั่นแหละ แล้วพวกไอ้ดำ ไอ้ลี ไอ้ขัน ยังไม่มาอีกหรออ
ตาสาย:ข้าก็กลับมาก่อนเอ็งนี่แหละ ว่าแต่ทางเอ็งเถอะ ยิงอะไรเข้าหละ
พรานเอิ้น:ยิงเสือหนะตา ได้2ตัว มีแต่ตัวงามๆ ฝีมือหมอนี่แหละ "พรานเอิ้นกลบเกลื่อน"
ตายสาย:เออไอ้นี่มันมีของเฮ้ยย555 นั่นไงไอ้หนุ่ม3ตัวนั่นมาแล้ว แล้วมันพาใครมาอีกหละนั่น "พูดจบแกก็สั่งไห้ลูกหาบไปเอาเสือ2ตัวที่พรานไหญ่กับหนุ่มชาวกรุงยิงไว้ แล้วเรียก3พรานหนุ่ม" เฮ้ยยทำไมพวกเอ็งมาช้าจังว๊ะ ข้าหิวข้าวแล้วน๊ะโว้ยยย
พลานลี:ตาเฒ่าอย่าใจร้อนน่า"เมื่อมาถึง พรานลีก็พาหนุ่มแปลกหน้าที่ถือปืนแก๊บ เข้ามาหา นี่พี่เอิ้น ไอ้หมอนี่ว่าจะไปที่บ้านพี่แล้วขอความช่วยเหลือจากพี่หนะ ถ้าพวกเราช่วยได้มันจะมอบลูกสาวไห้
พรานเฒ่า:"ตะโกนก่อนใคร" เฮ้ยยกูจองๆ ว่าแต่เอ็งจะไห้พวกข้าช่วยอะไรหละ
คนแปลกหน้า:ยิงเสือหนะพ่อเฒ่า ไอ้เสือโคร่งตาเดียวเหตุที่เสือแถวนี้ชุมก็เพราะมันนี่แหละ มันเป็นจ้าว พอมันมาเสือทุกตัวก็หลบหาย
พรานเฒ่า:อ่าวมันก็ดีแล้วหนิ
คนแปลกหน้า: ที่บ้านนางเกยเราอยู่ไม่สุขเพราะมันนี่แหละ ไล่ขบควาย ขบวัว บางครั้งก็ขบคน ทำเอาตายไปหลายคนแล้ว
พรานเฒ่า:มีปืนทำไมพวกมึงไม่ยิงว๊ะ
คนแปลกหน้า:โถ่ตาเฒ่า มันยิงไม่ออก ขนาดคนเป็นสิบมันยังกระโจนใส่ คืนก่อนมันบุกกลางหมู่บ้านขบชาวบ้านลากไปหน้าตาเฉย
เมื่อเสียงพูดของชาวบ้านจบประโยคไป ทำเอาพรานทั้ง5และหนุ่มชาวกรุงอึ้งไปตามๆกัน....หลังจากพรานทั้ง5และหนุ่มชาวกรุงได้ซักถามชายแปลกหน้า ก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ไหญ่บ้านคนไหม่เพระคนเก่าถูกไอ้เดี่ยวคาบไปกินตอนออกล่ามัน แกเลยถ่อจะไปหมู่บ้านของพรานเอิ้น เพราะได้ข่าวว่ามีพรานมือดีสี่ห้าคน ครั้นไปแจ้งทางการก็หาว่าเหลวไหล ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย
พรานเอิ้น:เอาหละ กินข้าวกินปลา พักผ่อนไห้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยคุยกัน
พรานเอิ้น:นี่ตาเฒ่า ไอ้เสือตาเดียวนี่คุ้นๆอยู่น๊ะ
พรานเฒ่า:เออ ก็ที่มันขบพ่อแม่ไอ้ดำนั่นไง น่าจะตัวเดียวกัน เห็นไหมนั่น ไอ้ดำมันอยากไปนางเกยสายตัวแทบขาด
พรานเอิ้น:เฮ้ยยดำ มึงเป็นห่าอะไรว๊ะ
พรานดำ:พี่ฉันจะตามฆ่ามัน ไห้ถึงที่สุด
พรานเอิ้น:ข้าว่ามันคงตายแล้วมั้ง ไอ้เสือตัวนั้นมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วหนิ
พรานดำ:พี่เอิ้นฉันจำได้เลยน๊ะ"ดำพูดพลางน้ำตาซึมพลาง"ตอนมันขบคอแม่ฉัน ฉันยังจำมันได้เลยว่าแม่บอกไห้ฉันกับพ่อหนีหนะ แล้วพ่อก็บอกไห้ฉันวิ่ง ฉันเห็นเต็มสองตาเลย พ่อสับไกปืนไส่มันสับยังไงปืนก็ไม่แตก พอพี่มายิงไล่ มันก็ผะไป ฉันเอาปืนของพ่อยิงขึ้นฟ้ามันยังดังลั่นป่าเลยย พี่ลืมแล้วหรออ
พรานเอิ้น:เออกูขอโทษที่ทำไห้มึงคิดมาก กูสัญญาว่ากูจะตามฆ่ามัน ไม่มันก็กูต้องตายไปข้างหละว๊ะ
พรานเฒ่า:เออดี ถ้าเป็นตัวเดียวกันก็ดี กูจะเอาหนังหน้าผากมันมาเป็นที่ขัดปืน จะเอากระโหลกมันมาเขี่ยบุหรี่ กูจะเอาหนังตัวมันมาเป็นผ้าห่มไห้หมากู "พูดแล้วพรานเฒ่าก็ยิ้มแบบเจื่อนๆ"
พรานลี:หนทางที่นี่ห่างจากบ้านนางเกย ประมาณ2วันถ้าเราเร่งฝีเท่าคงถึง นี่ไปหลายคน ไหนจะพวกเสือที่ชุกชุม ไหนจะเกวียน คงสีก4วันแหละพี่เอิ้น
พรานเอิ้น:เออไม่ต้องรีบ บางทีเราอาจเจอมันระหว่างทาง บางทีมันจะมาหาเราเอง
หลังจากนั้น พรานไหญ่ก็ไห้ลูกหาบจัดเวรยามกันในตอนกลางคืน เอาฟืนสุมกองไฟไห้ลุกตลอด เพราะเสือชุมมาก....ขณะที่ทุกคนนอนในเวลาค่ำคืนอันเงียบสงัด ลูกหาบ2คนที่เป็นยามกำลังสุมไฟไห้สว่างไสว นายพรานไหญ่กับลูกน้องก็ตื่นจากพวัง เพราะหู จมูก ของพวกเขานั้น มีความพิเศษกว่าคนปกติ และประสาทสัมผัสก็ไวต่อความรู้สึก
พรานดำ:นายๆ ตื่นๆ นายๆๆๆ ตื่นคับ "ดำกระซิบและสกิดนายจ้าง"
วรวุฒิ:มีอะไรหรอดำ มีอะไรผิดแปลกไปหรอ
พรานลี:เสือคับนาย ห้าหกตัวเห็นจะได้ ปมได้ยินเสียงมันรอบๆแคมป์นี่แหละ
วรวุฒิ:พวกนั้นหละรู้ยัง เห็นเดินโด่ๆๆ เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
พรานสาย:มันไม่รู้หรอก ความตายมาไกล้ๆมันถึงจะรู้ เหมือนเอ็งไง ไอ้หน้าขาว ลองดมจมูกไปในอากาศ แล้วลองเอาหูแยกแยะเสียงสิ แล้วเอ็งจะรู้ว่า อะไรเป็นอะไร
วรวุฒิ:"ทำตามพรานเฒ่าบอกสักพักไหญ่"ตาสายคิดจะหลอกฉันหรออง
พรานสาย:ความเป็นความตาย ไม่มีใครล้อเล่นกันในป่าหรอก
แล้วทุกคนก็หยุดเงียบประมาณ5-6เห็นจะได้ แล้วมีลูกหาบคนหนึ่งถ่อเดินดุ่มๆๆมาที่พรานและนายจ้างพัก
ลูกหาบ: ตื่นๆๆ คับ นายตื่นๆๆ
พรานเอิ้น:มึงมีอะไรว๊ะไอ้เอิบ
ลูกหาบ:ผมได้กลิ่นสาบเสือคับ มันมาตัวเดียว ผมได้กลิ่นมัน
พรานเอิ้น:ข้ารู้นานแล้ว เอ็งไปบอกไอ้นั่นว่าห้ามมันปลุกพวกนั้นน๊ะ เอ็งกะเพื่อนเอ็ง ถือปืนไว้ในมือ แล้วนั่งตามเดิม อย่าวิ่งลุกลี้ลุกลนเข้าใจไหม๊
ลูกหาบ: คับนายๆเอิบเข้าใจ
วรวุฒิ:นายคับ นายอยู่นี่น๊ะ เดี๋ยวพวกผมจะแยกกันออกไป นายคอยบอกไห้ไอ้พวกขี้กลัวนี่ไม่ให้กลัวก็พอ มันนับถือนาย ปลอบพวกมันอย่าไห้พวกมันตื่นตระหนกหละ
"จบการสนทนาพรานทั้งห้าก็ผะไปคนล๊ะทาง ส่วนหนุ่มชาวกรุงก็นั่งดูดบุหรี่รออย่างสบายใจ ข้างกองไฟ ยามสองคนมองแล้วถึงกับอึ้งกับความใจเย็นของนายจ้าง โดยที่ไม่รู้เลยว่า นายจ้างกลัวจนสุดขีด ที่ทำเป็นไม่กลัวก็เพราะ จะเป็นตัวอย่างแก่พวกลูกหาบ ไม่ให้ตื่นตระหนก เพราะรู้ดีว่ายมฑูตกำลังไกล้เข้ามาหนุ่มชาวกรุงนั่งคิดอะไรพลางๆอยู่นั้นเขากูดูนาฬิกา เวลาประมาณ 5ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ก็คิดเรื่องพรานทั้งห้าและลูกหาบผูกลัวความมืด อดสงสัยไม่ได้เลยถามเรียกลูกหาบคนหนึ่งมาถาม
วรวุฒิ:นายชื่ออะไร
ลูกหาบ:ชื่อเอิบคับนาย
วรวุฒิ:ทำไมกลางวัน อึดปานแรด กลางคืนหงอยเหมือนตุ่น ไม่กล้าแม้แต่ออกไปข้างนอก
เอิบ:โถ่นาย กะเหรี่ยงอย่างเรากลัวความมืดทั้งนั้นแหละ กลางวันเป็นเวลาของคน กลางคืนเป็นเวลาของผีสางเทวดา ปู่ย่าตายายเขาปลูกฝังมาตั้งแต่โบร่ำโบราญ
วรวุฒิ:แล้วพวก5พรานนั่นหละ เป็นตัวอะไร
เอิบ:แฮร่ๆๆ ผมก็แปลกใจอยู่คับ เท้าเบาอย่างกับผี หูดีปานสัตว์ป่า จมูกก็ปานหมาล่าเนื้อ แต่พรานห้าคนนั้นไม่ใช่กระเหรี่ยงหรอกคับ ยกเว้นพรานไหญ่ นอกนั้นเขาย้ายตามพ่อแม่มา
ในระหว่างที่สนทนาอยู่นั้น มีเงาหนึ่งตรงเข้ามา หนุ่มคนกรุงยกปืนไส่ แล้วตะโกนออกไป "หยุดน๊ะ ขืนเดินเข้ามาอีกก้าว กูยิงมึงแน กำลังจะอ้าปากพูดประโยคต่อไป เสียงจากอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
พรานไหญ่:นาย ผมเองคับ
วรวุฒิ:อ้าวนั่นแบกอะไรมาหละ"อีกฝ่ายไม่เอ่ยคำใดเขาก็เห็นพรานไหญ่แบกเสือตัวเขื่องๆผ่านพุ่มไม้เข้ามาทางหน้ากองไฟ"
วรวุฒิ:เฮ้ยยย นี่พรานเอิ้นเอามันมายังไงหละนี่
พรานเอิ้น:ตัวนี้ไม่ไหญ่มากผมเข้าไปไกล้ไห้มันกระโจนใส่แล้วเอามีดกระซวกคอคับ 5555
ได้ยินพรานเอิ้นพูดแล้วเขาถึงกับตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าคนๆหนึ่งจะทำได้ขนาดนี้ และอดเป็นห่วอีก4พรานที่แยกย้ายกันเข้าไปดงไม่ได้ เขาทั้งกระวนกระวาย รุกรี้รุกรนเป็นอย่างมาก
วรวุฒิ:พรานเอิ้นช่วยเข้าไปตามพรานทั้ง4ออกมาหน่อยได้ไหม ฉันใจคอไม่ดี ว่าแต่เสือมันมีกี่ตัวหละ
พรานเอิ้น:มีห้าหกตัวคับ ไม่จำเป็นหรอก ถ้าผมยื่นมือเข้าไปช่วยจะหาว่าดูถูกกันป่าวๆ
หลังจากพูดจบประโยคเขาก็จุดบุหรี่ดูดแล้วเอนตัวลงนอนข้างกองไฟข้างๆกับนายจ้าง..วรวุฒิ:เออนี่พรานไหญ่ นี่พวกคุณเป็นปีศาจมาเกิดหรอ55
พรานเอิ้น:อ้าวนาย ทำไมพูดแบบนั้นคับ555
วรวุฒิ:ผมเคยได้ยินแต่ในสำนวน จับเสือมือเปล่า ก็ได้เห็นวันนี้แหละ ยอดเยี่ยมมาก ผมนี่กลัวคุนเลยย
พรานเอิ้น:พวก4คนนั้นไม่ทำเหมือนผมหรอก ดขาก็ยิงเอาทั้งนั้นแหละคับ555
ระหว่างการสนทนา เสียงปืนไรเฟิ่ลก็ดังปั้งง ทำเอาป่าทั้งป่าที่เงียบสงัด ตื่นอีกครั้ง เสียงป่าแตกโครมๆแต่ไกล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงช้างป่า มันร้อนแปร๋แปร๋น ระงมไปทั่ว ไม่กี่อึดใจเสียงปืนลูกซองของใครคนหนึ่งก็ปั้งง ขึ้นอีก เสียงมันสะท้อนตามไหล่เขากระทบไปมา
พรานไหญ่:นั่นไงไอ้ดำกับพรานเฒ่ากระซวกเข้าไห้แล้ว5555
วรวุฒิ:555กระซวกบ้าอะไรหละเสียงดังซ๊ะขนาดนั้น
ไม่กี่อึดใจ พรานเฒ่าก็แบกเสือขนาดเขื่องๆตัวหนึ่งแล้วทิ้งลงกลางวงลูกหาบที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วกลุ่มคน9คนที่นอนอยู่ก็แตกกระจาย ผุดลุกทั้งๆที่ยังนอนอยู
พรานเฒ่า:ไอ้พวกขี้เซานี่ มันน่ากระทืบไหมหละ
พรานเอิ้น:ไม่เอาน่าตาเฒ่า เขาคงเหนื่อยอย่าไปว่าพวกมันเลย
ไม่กี่นาที ดำ ขัน และลีก็เดินดุ่มๆออกจากพุ่มไม้และมาถึง โดยดำแบกร่างเสือขนาดจัดว่าไหญ่มาก และเดินเข้ามาไกล้กองไฟ แล้วทิ้งร่างอันมะหึมานั่นลง
พรานเฒ่า:ไอ้ลี ไอ้ขัน ทำไมมึงไห้น้องแบกมาคนเดียวว๊ะ แล้วไอ้2ตัวที่พวกมึงตามหละ
ลี:ผมกำลังจะยิงอยู่แล้ว ตาเฒ่านั่นแหละ โปงปางก่อน
ขัน:ผมก็เหมือนกัน มันวิ่งหนีพร้อมๆกับป่าแตกนั่นหละ
พรานเฒ่า:นอนๆๆเก็บแรงพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทาง ไอ้พวกขี้คร้าน พวกมึงไม่ต้องนอนน๊ะ ชำแหละ3ตัวนี้เสร็จค่อยนอน พับผ่าเถอะ
หลังจากพรานเฒ่าพูดจบทั้งคณะก็ระงมไปด้วยเสียงหัวเราะ บ้างก็ชักดิ้นชักงอ สักพักลูกหาบก็ผะกันไปชำแหละเสือ แล้วก็นอนรอสว่างของวันต่อไปเพื่อการเดินทาง....พอรุ่งเช้า ทั้งคณะก็หุงหาอาหาร แล้วเก็บของเพื่อที่จะเดินทางต่อไป การเดินทางในวันนี้สบายขึ้นเพราะทางโล่งเตียนไม่ต้องถางทางเป็นระยะเหมือนวันก่อน เพราะช้างมันทำทางไว้ซ๊ะโล่งเตียน การเดินทางวีนนี้มีนายบ้านกับพรานเฒ่าออกเดินนำหน้า ลัดเลาะไปตามเนินเขา ทุ่งหญ้าบ้าง ครั้นถึงเที่ยงวันก็พากันหยุดพักเพื่อหุงหาอาหาร และเปลี่ยนควายเทียมเกวียน
พรานเฒ่า:เอิ้นๆ ข้าว่าเสือแถวดงนี้ไม่น้อยสักร้อยตัวเห็นจะได้หวะ
พรานเอิ้น:ฉันก็ว่างั้นแหละตาเฒ่า นอกจากรอยช้างที่เราย่ำมา ก็เห็นแต่รอยพวกมัน ทั้งเล็กทั้งไหญ่ สงสัยจริงๆแหละ ไอ้เสือตาเดียวตัวนั้นจะไล่ที่พวกมันลงมา
พรานดำ:ก็ดีพี่ เห็นว่ามันไม่กลัวคนด้วยหนิ เออฉันขอกระสุดลูกซองของพี่หน่อยดิ"ว่าแล้วดำก็ขอเปลี่ยนลูกซองปั้มแอ็กชั่นจากพรานลี"
พรานเอิ้น:กูไห้2นัดน๊ะมึง ใช้ประหยัดด้วยหละดำ
พรานดำ:ขอบใจพี่2นัดก็เกินพอแล้ว
วรวุฒิ:นี่ๆพรานลี ไอ้กระสุนของพรานไหญ่ที่ให้ดำนั่นหนะแตกต่างจากของฉันยังไงหรอ
พรานลี:นี่แหละคับนาย พี่เอิ้นถึงแตกต่างจากพรานอื่นๆ เพราะแกมีอาคมที่แก่กล้ามาก เดี๋ยวนายคงเห็นเองแหละคับ นายยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้555
หนุ่มคนเมืองได้ฟังดังนั้นแล้วเขาก็เก็บไปคิดชั่วขณะคิดเรื่องต่างๆนาๆเกี่ยวกับพรานไหญ่ผู้นี้ บางทีเขาคิดคิดว่า พรานไหญ่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เพราะเคยเข้าไปเรียนในเมืองกรุง ดูท่าทางก็เหมือนคนเจริญแล้ว แต่คำพูดของลี ทำไห้เขาทึ่งไป มีความเชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง หลังจากทานข้าวและนั่งพัก พวกลูกหาบก็ช่วยกันเก็บสัมภาระ แล้วพรานเฒ่ากับนายบ้านนางเกยก็ออกนำหน้า โดยพรานไหญ่กับ ดำ ลี และขันรั้งทัายขบวน ส่วนนายจ้างก็นั่งเกวียนสัมภาระ เพราะเกิดอาการเหนื่อยล้า ส่วนพวกลูกหาบไม่ต้องพูดถึงพวกนั้นอึดปานแรด...เวลาล่วงเลยไป3วันคณะเดินทางเดินทางมาอย่างทุลักทุเลและเร่งรีบ เมื่อใกล้ถึงหมู่บ้าน พรานไหญ่ก็ไห้หยุดเกวียนพัก และไห้ลูกหาบหุงหาอาหาร
นายบ้าน:นี่ใจคอพวกนายจะไม่เข้าไปในหมู่บ้านของผมหน่อยหรอ
พรานไหญ่:ข้ารู้ประเภณีของบ้านป่าดี เข้าไปพวกชาวบ้านก็แห่เอาของมาต้อนรับ ยิ่งแร้นแค้นอยู่ไม่ใช่หรอ "หลังจากตอบคำถามนายบ้านนางเกยแล้วเขาก็ไห้ลูกหาบ แบ่งเนื้อแห้งรมควันไห้นายบ้าน1กระสอบ แล้วไห้นายบ้านเข้าหมู่บ้านแต่ลำพัง"
นายบ้าน:ผมขอบน้ำใจของพวกนายจริงๆ บุญคุณนี้จะไม่ลืมนายเลย โดยเฉพาะพรานไหญ่ กับนายหน้าขาว"ว่าแล้วเขาก็แบกกระสอบเนื้อกลับเข้าหมู่บ้าน"
พรานเฒ่า:เออนี่เอาไงกับไอ้ที่จะเดินมานี่หละไอ้เอิ้น
พรานไหญ่:ไห้มันเข้ามาเถอะตาเฒ่า ฉันได้กลิ่นมันตั้งนานแล้ว อย่ากระโตกกระตากไปตาเฒ่าเดี๋ยวไอ้ดำทำเสียแผน
วรวุฒิ:พวกคุณว่าอะไรกันน๊ะ
พรานไหญ่:นายคอยดูเอาคับ มันใกล้เข้ามาแล้ว "ว่าแล้ว พรานไหญ่ก็แลกปืนลูกซองกับลี"
ครั้นแล้วไม่นานนักระหว่างที่คณะนั่งคุยกันก่อนที่จะกินอาหารมื้อค่ำ ก็มีพระธุดงรูปหนึ่งเดินดุ่มๆตรงมาจากที่พักด้วยอาการรีบร้อนไม่นานก็ถึงที่พัก
พระ:เออ พวกแกกำลังจะพากันไปไหนเลอะ
พรานเฒ่า: ออพวกเรามาล่าสมิงคับ
พระ:เหอะๆๆ ออ อย่างนั้นเองเลอะ ดีแล้วที่มาพักกันที่นี้ พวกแกรู้ไหม ว่าหมู่บ้านข้างหน้า มันร้างแล้ว พวกผีตายโหงมันมาคอยหลอกหลอนคนที่ผ่านไปผ่านมาอยู่มากโข
พรานเฒ่า:ออ ผมรู้นานแล้วคับ ว่าแต่ท่านมาธุดงทำไมไม่มีสัมภาระ หรือบาตรหละ
พระ:ข้าปักกฏ อยู่ชายป่าด้านโน้นนหนะ พอดีผ่านมาเห็นพวกเอ็ง พวกเอ็งก็ระวังภัยที่จะเข้ามาแผ้วพาลด้วยหละ"หลังจากพูดจบพระแก่ๆรูปนั้นก็เดินจากไป"
วรวุฒิ:บ้านนั้นร้างหรอตาเฒ่า
พรานเฒ่า:ป่าวหรอก"แล้วก็ยิ้มแหยๆ
พรานไหญ่:นั่นมันหละคับนาย
วรวุฒิ:ฮ๊ะ ทำไมคุณไม่ยิง!!พรานเฒ่า:เอ้อไอ้นี่ มึงก็พูดถูกแฮ๊ะ5555
วรวุฒิ:เอ้อ อย่าอำกันเล่นสิตาเฒ่า พรานเอิ้นด้วย
พรานไหญ่:คู่มวยที่สูสี ก่อนชกมันก็หยั่งเชิงกันเป็นธรรมดาแหละคับนาย"พรานไหญ่ยิ้มแค่นๆ" กฏของป่าก็คล้ายๆกัน
"หลังจากหนุ่มคนเมืองฟังจบประโยค เขาก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เพราะคิดดูแล้วพระธุดงรูปนั้นมีตาสีขาวข้างหนึ่งคล้ายๆจะบอดสนิท"
พรานดำ:นี่พี่อะไรของพี่หนิ มันมาหาแท้ๆ ทำไมไม่ยิงมันว๊ะ
พรานเฒ่า:ไอ้ดำหุบปากมึงไว้เดี๋ยวนี้ ผู้ไหญ่จะตีกันมึงอย่าแส่ มึงเอามันไม่อยู่หรอก ถ้ามันไม่แน่จริงมันจะเดินดุ่มๆมาหามึงหรอว๊ะ มันจะปล่อยไอ้นายบ้านนางเกยเดินไปบอกมึงไห้มึงมาฆ่ามันหรอ มึงมีสมองก็คิดบ้าง นี่แหละกูบอกไห้ไปโรงเรียนมัวแต่มาจับปืน
พรานดำ:ตาสายฉันขอโทษ ฉันแค้นมันหนิ ทำไงได้"แล้วดำก็ซึมไป"
พรานเฒ่า:เออดีแล้วมึงอย่าแส่หาเรื่องเดินกลางค่ำกลางคืนหละ ถ้ามึงขัดขืนกู กูจะเอาด้ามปืนไห้มึงกินแทนข้าว
วรวุฒิ:"กระซิ๊บพรานไหญ่"ทำไมตาเฒ่าดูเกรี้ยวกราดกว่าทุกครั้งหนะเอิ้น
พรานเอิ้น:ตาเฒ่าก็รักไอ้ดำเหมือนลูกแท้ๆของแกนั่นแหละคับนาย ที่พูดแบบนี้ก็เพราะกลัวไอ้ดำมันออกล่าเหมือนล่าเสือแบบก่อนๆหนะคับ เพราะไอ้ตัวนี้ไม่หมือนเสือธรรมดาทั่วไป
พรานเฒ่า:เอิ้นเอ้ย มีมึง กู แล้วก็ไอ้ ลี ไอ้ขัน แล้วก็ไอ้หน้าขาวนี่ ที่จะเอามันอยู่
วรวุฒิ:อ้าว ไหงนับรวมฉันด้วยหละตาเฒ่า
พรานไหญ่:555ในคณะเราก็มีแต่นายนี่แหละที่ดวงแข็งกว่าคนอื่นคับ
พรานเฒ่า:ไอ้ดำ มึงอย่าออกไปจากเขตุที่ไอ้เอิ้นกับกูขีดวงกลมนี่น๊ะตอนย่ำค่ำหนะ บอกลูกหาบพวกนั้นด้วย ถ้าใครออกไปไห้กูเห็นหละก็ พานท้ายปืนกูจะตบปากไห้ จะขี้จะเยี่ยวก็ในนี้แหละ มึงจำไว้น๊ะ
พรานดำ:ได้ๆคับตาสาย
พรานลี:ตาสายอย่าขู่เด็กมันเลยน่า มันโตๆหมดแล้วถ้าพวกมันอยากตายก็ไห้พวกมันออกไปเถอะ55555!!!


1 ความคิดเห็น:

Adbox