เรื่องหลอนบนแพ ที่กาญจนบุรี

เรื่องหลอนบนแพ ที่กาญจนบุรี ...ที่กาญจนบุรี....ขอเกริ่นก่อนว่าครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ ญาติๆ พี่ น้อง
ในครอบครัวเราเกิดไล่ๆกัน เราจึงสนิทกันมาก ชอบชวนกันไปพักผ่อนตามต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน .. เมื่อช่วงซัมเมอร์ปลายเดือนเมษาที่ผ่านมา เราตกลงกันว่า
จะไปเที่ยวแพที่จังหวัดกาญจนบุรี ทุกคนก็ตกลง โอเคว่าจะไปที่ที่นี้นะ
เราตกลงกันว่าจะไป 2 คืน 3 วัน ในวันที่เราไปเป็นวันพฤหัสบดี ที่เราเลือกไปวันธรรมดา
เพราะคิดว่าคนจะได้ไม่เยอะไม่วุ่นวาย
วันที่เราเดินทางไปถึงมันก็เงียบจริงๆค่ะ เงียบจนแบบเราเองยังคิดว่าไม่ได้เปิดให้บริการอยู่
แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่ามันเป็นวันธรรมดาเลยไม่มีคน พวกเราก็ไปติดต่อสอบถาม
เช็คอินที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันของสถานที่นี้ ก็ตกลงทำเรื่องอะไรเรียบร้อย
ก็เตรียมจะขนของลงแพ พอพวกเรากำลังจะเดินออกจากเคาท์เตอร์
ประชาสัมพันธ์พนักงานก็เดินมาบอกพวกเราว่าหากจะสั่งของ อาหาร หรือเรียกใช้บริการ
ให้เรียกใช้บริการก่อน 5 โมง ทางสถานที่ปิดให้บริการ 5 โมงครึ่ง
และจะเปิดให้บริการอีกทีในเวลา 7 โมงเช้า
เราก็เอ๊ะ! ทำไมปิดไวจังที่อื่นที่เคยไปปิดไวสุดก็ 2 ทุ่ม แต่ก็ไม่มีใครแย้งอะไร
เราจะอธิบายลักษณะโดยรอบแพนี้แบบคร่าวๆนะคะ คือแพนี้เป็นแพหลังเดี่ยวๆ
เรียงกันอยู่น่าจะประมาณสิบกว่าหลังได้ มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และแบบ 2-3 ห้องนอน
ด้านหน้าแพเป็นที่โล่งๆไว้นั่งพักผ่อนชมธรรมชาติไรงี้ มีเปลหวาย มีโซฟากลมๆอยู่
พวกเราเลือกแบบ 1 ห้องนอน นอนรวมกันทั้งหมด 7 คน เป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 2 คน
คือญาติๆกันหมดเลยค่ะ แบบ 1 ห้องนอนนี้คือเปิดประตูไม้จากข้างนอกแพเข้ามา
ก็จะเป็นห้องโถงโล่งๆ เราก็นอนเรียงกันตรงนั้นแหละค่ะ 5555 แลดูประหยัด
ความรู้สึกแรกที่เห็นแพ เห็นน้ำที่นี่ เราแบบสาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่ลงเล่นน้ำแน่ๆ
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันไม่เหมือนกับรูปที่เค้าถ่ายรีวิวกัน
น้ำที่นี่มันไม่ได้ไหลแรงนะคะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับนิ่งสงบ เรายืนอยู่บนแพแล้วมองลงไปที่ผิวน้ำ
มันเป็นสีเขียวมรกตแบบแปลกๆ เราก็ไม่รู้ว่าน้ำลึกแค่ไหน หรือใต้น้ำมีอะไร
แต่มันมองลงไปแล้วมองไม่เห็นอะไรใต้น้ำเลย มันมึด แบบน่ากลัว
ทุกคนก็เก็บข้าวของเข้าที่ตอนนั้นก็เวลาประมาณบ่ายสองแล้ว ทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่
เราก็นั่งถ่ายรูปอะไรของเราไป พอประมาณ 6 โมงพระอาทิตย์เริ่มตก
เราก็เริ่มทำอะไรกินกัน พี่สาวเรานางเป็นคนชอบถ่ายรูป นางมีกล้อง X-a2 คู่ใจอยู่ตัวนึง
ระหว่างที่รอคนอื่นๆทำอะไรกินกันนางก็มาขอให้เราถ่ายรูปให้เราก็โอเคๆ
ในระหว่างที่เรามองในเลนส์กล้อง เราเห็นผู้หญิงคนนึงแต่เราไม่เห็นหน้ามันแบบแว้บๆ
นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแพซึ่งมันจะเป็นป่า พอเราเงยหน้ามองมันกลับว่างเปล่าไม่มีใคร
เราเลยคิดว่าเราตาฝาดไปเลยไม่ได้พูดอะไร ทีนี้ถึงตาที่พี่เราถ่ายให้เราบ้าง
ในขณะที่นางกำลังจะกดถ่ายเราเห็นนางนิ่งไปสีหน้าเปลี่ยนไป แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
บอกแค่หิวข้าว สงสัยจะหน้ามึด เลยชวนเราไปรวมกับคนอื่นๆ
พอทุกคนอิ่มก็ถึงเวลาเข้านอน ตอนนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม เราก็เข้านอนกัน
ที่นอนเป็นแบบที่นอนวางกับพื้นไม่มีเตียง เราก็นอนเรียงกัน 7 คน ก่อนนอนเราก็สวดมนต์
บอกเจ้าที่เจ้าทางเป็นปกติเวลาเราไปนอนแปลกสถานที่
เอ้ออ ลืมบอกเราเป็นคนที่ใส่สร้อยพระตลอดไม่ว่าจะทำอะไร จะอาบน้ำ
จะนอนก็ไม่เคยถอด สร้อยเราเป็นสร้อยเงินห้อยจี้พระอยู่ คืนนั้นก่อนจะหลับ
เราก็นึกถึงผู้หญิงคนที่เราเห็นเรารู้สึกกลัวเลยจับจี้พระไว้แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้
เราหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เราฝันเห็นผู้หญิงคนนึง นั่งอยู่ตรงประตู
ใส่ชุดเหมือนกับที่เราเห็นตอนถ่ายรูปให้พี่สาวเมื่อตอนเย็น เค้ามาชวนเราไปเล่นน้ำ
เค้าบอกเลยนะคะว่าเค้าเป็นผีพราย เค้าบอกว่าเค้าตายอยู่ที่นี่มานานแล้ว
บอกว่าเค้าจะเอาเราไปอยู่ด้วย สักพักเราได้ยินเสียงพี่ชายเราตะโกนว่า
“โอ้ยยย ทนไม่ไหวแล้วเว้ยย!” แล้วทุกคนก็ตื่นเห็นพี่ชายเรากำลังจะลุกไปตรงประตู
ทุกคนก็ร้องห้าม พี่ชายเราเลยบอกว่า “มาชวนกูอยู่นั่นแหละ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน”
เค้าเลยเดินไปเปิดไฟค่ะ คืนนั้นทุกคนมองหน้ากันแบบรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ไม่มีใครพูดอะไร สักพักมีเสียงจากหน้าแพดัง ตู้มม! เหมือนมีวัตถุอะไรหล่นลงน้ำ
มันเสียงเหมือนเวลาเรากระโดดลงน้ำอ่ะค่ะ เราก็ใจเสียบวกกับเริ่มกลัวเลยจับพระที่คอ
แต่มันกลับเหลือแต่สร้อย จี้พระหลุดออกกองอยู่ข้างๆหมอน เรายิ่งตกใจ
ว่าเห้ยหลุดออกมาได้ไง สร้อยก็ยังอยู่เหมือนเดิม ตรงห่วงที่จี้ก็ไม่ได้หัก
ตอนนั้นเราใจเสียมากๆค่ะ คืนนั้นไม่มีใครหลับต่อเลยสักคน
เช้ามาเราก็มาคุยกันกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ปรากฏว่าทุกคนฝันเหมือนกันหมดเลย
พวกเราก็รีบไปรอเช็คเอาท์ออกตั้งแต่ 6 โมงที่ฟ้าสว่างเลยค่ะ
พร้อมแจ้งเรื่องให้กับทางสถานที่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทางสถานที่ก็บอกว่าไม่มีอะไร
ไม่เคยมีเรื่องอะไรแบบนี้บอกว่าพวกเราเมาแล้วคิดไปเอง พี่ชายเราก็โมโหจะเมาได้ยังไง
ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย!! หลังจากเคลียร์เรื่องเช็คเอาท์เรียบร้อยเราก็เดินทางกลับทันที
จนวันนี้เราก็ยังไม่ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืออะไร และเป็นมาอย่างไร....
ขอบคุณแหล่งที่มา :
https://pantip.com/topic/35300826
อย่าลืมติดตาม
ตำนานพื้นเมือง ด้วยนะครับ
หากใครอยากอ่านเรื่องเล่าอื่นๆ
กดเลยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น